ศาสตร์แห่งการตั้งชื่อ เป็นวิชาที่ อาจารย์ได้ศึกษามาด้วยความสงสัย ถึงเหตุที่มาที่ไป จนกระทั้งเข้าใจลึกซึ้งถึงศาสตร์แขนงนี้
ซึ่งหลายๆคนเกิดคำถาม เช่น มันสำคัญมากไหม? เปลี่ยนแล้วดีจริงไหม ?
แน่นอนคำถามเหล่านี้มีคำตอบ ถ้าเราลองศึกษาทำความเข้าใจ อาจารย์ตอบรวบรัดตรงนี้เลยว่า "สำคัญมาก" เพราะเป็นสิ่งใกล้ตัว ชื่อนั้นเป็นคำนิยามเกี่ยวกับตัวบุคคล ซึ่งคำนิยามนี้เองเป็นสิ่งที่สื่อถึงตัวบุคคลเพื่อเชื่อมโยงกับพลังกลไกของจักรวาล จากการศึกษาพิจารณาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับชื่อ ที่สอดคล้องในทิศทางเดียวกันจึงเข้าถึงหลักแห่งการตั้งชื่อนี้ เผยแพร่ความรู้เป็นวิทยาทาน

ซึ่งศาสตร์การตั้งชื่อนั้นมีผลเกี่ยวเนื่อง ในแง่ของ ภาษาศาสตร์ ความหมาย เลขศาสตร์ การออกเสียง รวมไปถึงในแง่ของจิตวิทยา เช่น (ยกตัวอย่างชื่อเท่านั้น) มีพระภิกษุผู้ปฏิบัติดี 2 รูป รูปหนึ่งชื่อ หลวงปู่ลอย อีกรูป ชื่อ หลวงปู่ทองคำ คนส่วนใหญ่ คงแห่ไปกราบ หลวงปู่ทองคำเป็นแน่ และในทุกๆครั้งที่เอ่ยชื่อนี้เอง พลังที่สื่อออกมาจากตัวตนก็จะสั่นสะเทือนแผ่วงกว้างไปยังจักรวาล ด้วยเหตุนี้เองชื่อจึงมีความสำคัญ
ซึ่งการตั้งชื่อนี้ อาจารย์จะใช้ศาสตร์หลายแขนง เช่น
๑. ทักษา ซึ่งประกอบด้วย อักษรในแต่ละวัน วรรคในแต่ละวรรคเช่น บริวาร อายุ เดช ศรี มูลละ ซึ่งหลายคนเลือกใช้ผิดวิธี เช่น อยากได้เสน่ห์นำหน้า จึงเลือก วรรค ศรี (เสน่ห์) มาตั้งนำหน้าชื่อ (อักษรตัวแรก) แต่หารู้ไม่ว่า วรรค ศรี เป็นกาลกิณี ใน ลัคนา กำเนิด เหตุนี้เองผู้ที่เปลี่ยนชื่อ บางคนเมื่อเปลี่ยนแล้ว จึงแก้ไขพื้นฐานดวงไม่ได้ เพราะ แก้ไม่ถูกจุดนั่นเอง
๒. เลขศาสตร์ ผลรวมของ เลขศาสตร์ จะเป็นตัวสรุปใจความของชื่อที่เปลี่ยน ว่าดีไม่ดี ดีไปในด้านไหน ซึ่งบางเลขเหมาะกับผู้ชาย ไม่เหมาะกับผู้หญิงก็มี
และยังต้องใช้ศาสตร์อื่น ประกอบอีก ๓ ศาสตร์ เป็นอย่างน้อย

จากตัวอย่างข้างต้น ศาสตร์การตั้งชื่อ จึงเป็นศาสตร์ที่ใช้ความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก
เมื่อเปลี่ยนชื่อตนเองแล้ว กลไกการทำงานในจิตภายในจึงเกิดการขับเคลื่อนกลไกแบบใหม่แผ่ขยายวงกว้างสู่ภายนอกเมื่อนั้น ชีวิตจึงเปลี่ยนไปได้อย่างแน่นอน

อ.ธัชกร ธีรปัญญานนท์